วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทยกับการแพทย์แผนไทย

การแพทย์แผนไทยและเภสัชกรรม เป็นภูมิปัญญาตั้งแต่สมัยโบราณ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมักจะรักษาโดยใช้สมุนไพรแพทย์แผนไทยได้ถ่ายทอดภูมิปัญญา เช่น จารึกสรรพคุณยาและวิธีรักษาเป็นตำรายาของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งสมุนไพรต่างๆที่นำมาเป็นยานี้ ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาที่นอกจากการรักษาด้วยสมุนไพรแล้ว และยังมีการรักษาด้วยวิธีการนวด การประคบ การรักษาโรคด้วยวิธีนี้ทำให้โลหิตไหลเวียนสะดวกขึ้นเป็นการปรับสภาพร่างกายให้เกิดความสมดุล และยังทำให้ร่างกายรู้สึกสบายตัวสบายตัวมากขึ้น ไม่ทรมานต่อความเจ็บปวดเมื่อยร่างกายที่แสนจะยากลำบากในการเคลื่อนไหวของ ร่างกายของเราที่เกิดจากการเวลาเราเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไปจนทำให้ร่างกาย กระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น อาจจะเคลื่อนเข้าที่ผิดจากที่เดิมหรือหักหรือขาดไปได้ ซึ่งในโบราณเราใช้การนวด การเหยียบ การบีบ และการประคบสมุนไพร จนเป็นที่มาของภูมิปัญญาไทยในด้านแพทย์แผนไทย

1. การใช้สมุนไพรไทย
            ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจะอยู่ในรูปของแคปซูล ครีม ยาชง ยาหม่อง เช่ ยาหม่องน้ำกลิ่นมะกรูด น้ำหอมไล่ยุงธรรมชาติตะไคร้หอม น้ำยากันยุงตะไคร้หอม เถาวัลย์เปรียงแคปซูล ครีมไพล ยาชงหญ้าหนวดแมว เสลดพังพอนคาลาไมน์ ฟ้าทะลายโจรแคปซูล เสลดพังพอนคาลาไมน์ เพชรสังฆาตแคปซูล บอระเพ็ดแคปซูล แชมพูขิง ครีมนวดผมดอกอัญชัน สบู่เปลือกมังคุด สบู่ขมิ้นชัน ฯลฯ


2. หัตถบำบัด (การนวดไทย) ประกอบไปด้วย การประคบ ด้วยสมุนไพร และการอบสมุนไพร
              2.1 การประคบสมุนไพร การประคบสมุนไพร เป็นวิธีการบำบัดรักษาของการแพทย์แผนไทยซึ่งสามารถนำไปใช้ควบคู่กับการนวดไทย โดยการประคบหลังจากการนวดไทย ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือบริเวณข้อต่อต่างๆ ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นหรือเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้เนื้อเยื่อพังผืดคลายตัว ลดการติดขัดของข้อต่อบริเวณที่ประคบ
                     2.1.1 ตัวยาที่ใช้ทำลูกประคบ
                           1. ไพล แก้ปวดเมื่อย ลดอาการอักเสบ
               2. ผิว - ใบมะกรูด มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
               3. ตะไคร้บ้าน แต่งกลิ่น
               4. ใบมะขาม แก้อาการคันตามร่างกาย ช่วยบำรุงผิว
               5. ขมิ้นอ้อย ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
               6. เกลือ ช่วยดูดความร้อน ช่วยทำให้ตัวยาซึมซาบผ่านผิวหนัง                
               7. การบูร บำรุงหัวใจ
               8. ใบส้มป่อย ช่วยบำรุงหัวใจ แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน
                    2.1.2 วิธีทำลูกประคบ
              1. หั่นหัวไพล ขมิ้นอ้อย ตะไคร้ ผิวมะกรูด ตำพอหยาบๆ
              2. นำใบมะขาม และใบส้มป่อย ตำผสมกับส่วนผสมในข้อที่ เสร็จแล้วใส่เกลือ การบูร 
                  คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าให้แฉะเป็นน้ำ
              3. แบ่งตัวยาที่ตำเรียบร้อยแล้วเป็น ส่วน เท่าๆกัน ใช้ผ้าขาวบางห่อทำเป็นลูกประคบ 
                 รัดด้วยเชือกให้แน่น จะได้ลูกประคบ ลูก
              4. นำลูกประคบที่ได้ ไปนึ่งในหม้อนึ่ง ครั้งละ ลูก ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 นาที
              5. นำลูกประคบที่ความร้อนได้ที่แล้ว มาประคบผู้ป่วยที่มีอาการต่างๆ 
                  โดยสับเปลี่ยนระหว่างลูกประคบ ลูกนี้
                    2.1.3 ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร
              1. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
              2. ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ
              3. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
              4. ช่วยให้เนื้อเยื่อ พังผืด ยืดตัวออก
              5. ลดอาการติดขัดของข้อต่อ
              6. ลดอาการปวด
              7. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
             2.2 การอบสมุนไพร เป็นวิธีการบำบัด และบรรเทาอาการของโรคของการแพทย์แผนไทย โรคหรืออาการที่สามารถบำบัดรักษาได้ด้วยการอบสมุนไพร มีดังนี้ โรคภูมิแพ้ที่ไม่รุนแรง ความดันโลหิตสูง เป็นหวัดเรื้อรัง อัมพฤกษ์ - อัมพาต ในระยะเริ่มแรก ปวดเมื่อยตามร่างกายทั่วๆ ไป กรณีที่มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืดร่วมด้วยไม่ควรทำการอบสมุนไพร 
ตำราแพทย์แผนไทยที่มีอยู่ในชุมชน ได้แก่ การอบ ประคบ การนวด การใช้สมุนไพร
                     2.2.1 สมุนไพรที่ใช้ในการอบสมุนไพร
                      กลุ่มที่ 1  : สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม กลุ่มนี้มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็นน้ำมันหอมระเหย 
                                     จึงช่วยรักษาโรคต่างๆเช่น โรคผิวหนัง ปวดเมื่อย เป็นหวัดคัดจมูก ได้แก่ ไพล และขมิ้นชัน เป็นต้น
                      กลุ่มที่ 2  : สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว กลุ่มนี้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก 
                                     เพิ่มความต้านทานโรคให้ กับผิวหนัง ได้แก่ ใบมะขาม ใบและฝักของส้มป่อย เป็นต้น
                      กลุ่มที่ 3 เป็นสารประกอบที่ระเหิดได้เมื่อถูกความร้อน มีกลิ่นหอม เช่น การบูร พิมเสน
                      กลุ่มที่ 4 สมุนไพรที่ใช้รักษาเฉพาะโรค เช่น เมื่อต้องการรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ให้ใช้เหงือกปลาหมอ เป็นต้น
                     2.2.2 ตัวอย่างสมุนไพรที่ใช้อบ
             1. ไพล แก้อาการปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว
             2. ขมิ้นชัน แก้โรคผิวหนัง สมานแผล
             3. กระชาย แก้ปากเปื่อย ปากแตกเป็นแผล ใจสั่น
             4. ตะไคร้ ดับกลิ่นคาว บำรุงธาตุไฟ
             5. ใบมะขาม แก้อาการคัน ตามร่างกาย
             6. ใบเปล้าใหญ่ ช่วยถอนพิษผิดสำแดง บำรุงผิวพรรณ
             7. ใบ - ลูกมะกรูด แก้ลมวิงเวียน ช่วยระบบทางเดินหายใจ
             8. ใบหนาด แก้โรคผิวหนังผุพอง น้ำเหลืองเสีย
             9. ใบส้มป่อย แก้หวัด แก้ปวดเมื่อย 
           10. ว่านน้ำ ช่วยขับเหงื่อ แก้ไข้
           11. พิมเสน การบูร แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ โรคผิวหนัง
                    2.2.3 สรรพคุณ
                             ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการวิงเวียนศีรษะ 
                             ช่วยเพิ่มการไหลเวียน ของโลหิต บำรุงผิวพรรณ
หมายเหตุ : สำหรับยาอบสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคนั้น ควรเพิ่มตัวยาที่รักษาเฉพาะโรคนั้นๆ ดังนี้
1) เหงือกปลาหมอ ผักบุ้ง ขมิ้นชัน ใช้รักษาอาการคัน โรคผิวหนัง
2) หอมแดง หัวเปลาะหอม ใช้รักษาอาการหวัด คัดจมูก
3) ไพล เถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน ใบพลับพลึง ใช้รักษาอาการปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว เป็นต้น


3. การนวด
               การนวดเป็นการช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นโดยใช้แบบราชสำนักเป็นพื้น อาจมีการนวดแบบเชลยศักดิ์บ้างเพราะชาวบ้านบางคนชอบเนื่องจากเป็นกันเอดี การนวดบางกรณีต้องมีการประคบหรือต้องอบสมุนไพรเพิ่มด้วยเพื่อให้ เลือดลมเดินเร็วขึ้น หายโรคเร็วขึ้นด้วย


4. การใช้ยาสมุนไพร
               การใช้ยาสมุนไพรเป็นยารักษาโรคนั้น เมื่อได้ตรวจโรคแล้วพบว่าต้องให้ กินยาเพื่อรักษาโรคจึงจะจดตำรับยาให้เพื่อให้คนไข้ได้ขวนขวายช่วยตนเองและ รู้ตัวยาที่ตนทำกินด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น